++สรุปเนื้อหา++
ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก กฎหมายว่าด้วย รถยนต์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
+ ผู้ขับขี่ต้องมีสำเนาภาพทะเบียนรถใช้คู่กับใบอนุญาตขับรถ+ การ โอนรถ/ย้ายรถ ต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน+ เมื่อใบอนุญาตขับรถสูญหาย/ชำรุดต้องยื่นขอรับใบแทนต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน+ กรณีถูกพักใช้/เพิกถอนใบอนุญาตขับรถมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน+ ใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราวมีอายุ 2 ปี+ ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราวเป็นประเภทส่วนบุคคลชนิด 5 ปี สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 60 วัน+ ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชนิด 5 ปีต่ออายุล่วงหน้า 3 เดือน+ รถที่ไม่เสียภาษีประจำปีภายในกำหนด จะต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1 ต่อเดือน+ การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 7 วัน+ เมื่อกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และได้รับคำสั่งผู้ตรวจการรถยนต์ให้ไปรายงานตัวผู้ขับรถจะต้องไปรายงานตัวต่อนายทะเบียนภายใน 7 วัน+ รถยนต์ ที่มีอายุครบ 7 ปี ต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี+ รถจักรยานยนต์ ที่มีอายุครบ 5 ปี ต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี+ รถของกระทรวง ทบวง กรม เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด สุขาภิบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และราชการส่วนท้องถิ่นที่เรียกชื่ออย่างอื่น ทั้งนี้ เฉพาะรถที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถมิได้ใช้ในทางการค้าหรือกำไร+ รถบดของรัฐวิสาหกิจ/รถแทรกเตอร์ของรัฐวิสาหกิจ/รถของสภากาชาดไทย/รถของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต/รถดับเพลิงของ อบต.ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ+ ประสงค์จดทะเบียนรถต้องยื่นคำขอต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่ตนมีภูมิลำเนา+ รถยนต์ ไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม (ป้ายแดง) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ขับได้ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก+ รถที่ค้างชำระภาษีประจำปีติดต่อกันครบสามปี จะมีผลตามกฎหมาย คือ ทะเบียนระงับ+ ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วราวต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี บริบูรณ์+ ผู้ใดขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถมีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ+ ผู้ใดขับรถโดยใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุมีโทษ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท+ ประกันภัยชนิด คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พรบ.) ใช้ประกอบการต่ออายุภาษีประจำปีกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก+ การจอดรถต้องจอดให้ห่างจากขอบทางไม่เกิน 25 เซนติเมตร+ การเลี้ยวรถต้องชะลอรถและเปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยวไม่น้อยกว่า 30 เมตร+ การจะเลี้ยวซ้ายต้องขับรถในช่องเดินรถด้านซ้ายก่อนถึงทางเลี้ยวไม่น้อยกว่า 30 เมตร+ การให้สัญญาณไฟเลี้ยว จะต้องให้ผู้ขับรถคันอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่า 60 เมตร+ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถคันอื่นขณะที่มีหมอก ฝุ่น ฝน หรือควัน จนไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะ 60 เมตร+ ต้องเปิดไฟหน้าหรือไฟท้ายรถ ให้รถคันอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร+ บริเวณที่กฎหมายจราจรยอมให้ขับรถแซงรถคันอื่น เช่น ในกรณีที่ทางเดินรถด้านซ้ายมีสิ่งกีดขวาง หรือในระยะ 150 เมตร จากทางร่วมทางแยก หรือแซงด้านซ้ายในขณะที่มีรถรอเลี้ยวขวา หรือบนพื้นทางที่มีเครื่องหมายจราจรให้แซงได้+ ในระยะ 150 เมตร จากทางราบของเชิงสะพาน ผู้ขับรถสามารถกลับรถได้โดยใช้ความระมัดระวังด้วย+ การบรรทุกสิ่งของ ผู้ขับขี่ต้องบรรทุกยื่นพ้นตัวรถด้านหลังไม่เกิน 2.50 เมตร+ เมื่อถึงทางรถไฟและมีรถไฟกำลังแล่นผ่าน ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร อย่าขับรถผ่านไปโดยเร็ว หรือให้เสียงสัญญาณแตรเตือนและขับผ่านไป และไม่จำเป็นต้องเปิดไฟฉุกเฉิน+ เขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ผู้ขับรถตามกฎหมายรถยนต์ต้องขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง+ นอกเขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ผู้ขับรถตามกฎหมายรถยนต์ต้องขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง+ ผู้ขับรถที่ดื่มสุรา เมื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจจะต้องไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ส่วนผู้ขับรถยนต์สาธารณะ ผู้ขับรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก ขณะขับรถต้องมีระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจเท่ากับศูนย์เท่านั้น+ ตรวจพบแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ+ การขับรถสวนทางกัน ผู้ขับขี่ต้องให้ขับรถชิดด้านซ้าย+ การหยุดรถบริเวณทางแยกผู้ขับขี่ต้องหยุดหลังเส้นแนวหยุด+ บริเวณที่ห้ามแซง ได้แก่ บริเวณทางโค้งรัศมีแคบ + บริเวณที่สามารถแซงได้ คือ บริเวณทางตรง ทางโล่ง ทางที่ปลอดภัย(ถ้า เขตปลอดภัยห้ามแซง)+ การขับรถแซงรถคันหน้าต้องแซงด้านขวามือ ยกเว้นกรณีที่เมื่อรถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวา หรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา ผู้ขับขี่จึงสามารถแซงด้านซ้ายมือได้+ รถที่สามารถนำมาใช้ในทางเดินรถได้ต้องเป็นรถที่มีเสียงเครื่องยนต์ดังในระดับ 80 เดซิเบล ห้ามนำรถที่มีเสียงดังกว่าเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด รถที่มีสิ่งลากถูไปบนทางเดินรถ หรือรถที่มีล้อไม่ใช่ยาง มาใช้ในทาง+ เมื่อพนักงานจราจรยืนและเหยียดแขนซ้ายออกไปเสมอระดับไหล่ ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถมาจากทางด้านหลังของพนักงานจราจรจะต้องหยุดรถ + เมื่อพนักงานจราจรยืนและเหยียดแขนขวาท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบนและตั้งฝ่ามือขึ้น ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถมาจากทางด้านไหนของพนักงานจราจรจะต้องหยุดรถ + การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกที่มีสัญญาณจราจรไฟกระพริบสีแดง+ ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด เมื่อเห็นว่าปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรจึงให้ขับรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง + ผู้ขับขี่ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้าย ยกเว้นกรณีที่ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวาง+ ผู้ขับขี่จึงจะสามารถเดินรถทางขวาหรือ ล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถได้+ การให้สัญญาณด้วยแขน โดยผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกตัวรถเสมอระดับไหล่และโบกมือขึ้นลงหลายครั้ง หมายถึงผู้ขับขี่นั้นต้องการจะลดความเร็วของรถ